รายได้และการกระจายรายได้ของครัวเรือน พ.ศ. 2566 ระดับจังหวัด

2 - 72 รายได้และการกระจายรายได้ของครัวเรือน พ.ศ. 2566 ระดับจังหวัด 2 .4.1 การแบ่งกลุ่มและแบ่งชั้นของรายได้้้ การกระจายรายได้ของครัวเรือนในระดับจังหวัดสามารถทำ าการศึกษาได้โดยแบ่งครัวเรือน ในแต่ละจังหวัดออกเป็น 5 กลุ่มเท่า ๆ กัน กล่าวคือ เรียงครัวเรือนตามลำ าดับ ของรายได้ประจำ าเฉลี่ยต่อคนต่อเดือน จากน้อยไปหามากแล้วแบ่งครัวเรือนออกเป็น5กลุ่มโดยแต่ละกลุ่มมีจำ านวนครัวเรือนเป็นร้อยละ 20 ของครัวเรือนทั้งหมด ในจังหวัด วิธีการดังกล่าวนี้ เรียกว่า การแบ่งกลุ่มควินไทล์ตามรายได้ประจำ าต่อคนต่อเดือน โดยกลุ่มครัวเรือน 20% แรก ของครัวเรือนในจังหวัด เป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ าสุด เรียกว่า ครัวเรือนในควินไทล์ที่ 1 กลุ่มครัวเรือน 20% ที่มีรายได้ ในลำ าดับถัดไป เรียกว่า ครัวเรือนในควินไทล์ที่ 2 ครัวเรือนในควินไทล์ที่ 3 ครัวเรือนในควินไทล์ที่ 4 ตามลำ าดับ จนไปถึง กลุ่มครัวเรือน 20% สุดท้ายของครัวเรือนในจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุด เรียกว่า ครัวเรือนในควินไทล์ที่ 5 นอกจากการศึกษาการแจกแจงของรายได้ระหว่างกลุ่มแล้ว การแบ่งกลุ่มควินไทล์ตามรายได้ ประจำ าต่อคนต่อเดือน ยังสามารถนำ าไปคำ านวณหาค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคหรือสัมประสิทธิ์จีนี (Gini Coefພcient) ของการกระจายรายได้ในแต่ละจังหวัด ซึ่งค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคเป็นค่าที่บ่งชี้ความเหลื่อมล้ำ าของการกระจาย รายได้ครัวเรือนมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 โดยหากสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคเป็น0แสดงว่า ไม่มีความแตกต่างของรายได้ ครัวเรือนเลย กล่าวคือ ทุกครัวเรือนมีรายได้เท่ากัน หากสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคมีค่าสูงขึ้น การกระจายรายได้ ก็จะเหลื่อมล้ำ ากันมากขึ้น และหากสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคมีค่าเท่ากับ 1 หมายความว่ามีความเหลื่อมล้ำ าอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ มีคนที่มีรายได้เพียงคนเดียว ส่วนคนที่เหลือไม่มีรายได้เลย เมื่อเปรียบเทียบการกระจายตัวของรายได้ครัวเรือนในแต่ละกลุ่มควินไทล์ (ตาราง 19) พบว่า ครัวเรือนในควินไทล์ที่ 1 หรือครัวเรือนกลุ่มที่ 1 ซึ่งเป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ าสุด มีส่วนแบ่งของรายได้ประจำ าเพียง ร้อยละ 8.7 ของรายได้ประจำ าของครัวเรือนทั่วประเทศ โดยส่วนแบ่งของรายได้ประจำ านี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในกลุ่มครัวเรือน ถัดขึ้นไป คือ ร้อยละ 12.9 ในครัวเรือนกลุ่มที่ 2 ร้อยละ 17.0 ในครัวเรือนกลุ่มที่ 3 และร้อยละ 21.4 ในครัวเรือนกลุ่มที่ 4 สำ าหรับครัวเรือนกลุ่มที่ 5 ซึ่งเป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุด มีส่วนแบ่งรายได้ประจำ าเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ประจำ า ของครัวเรือนทั่วประเทศ หรือร้อยละ 40.0 สำ าหรับค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคด้านรายได้ของครัวเรือนทั่วประเทศ มีค่าเท่ากับ 0.382 และเมื่อพิจารณาการกระจายรายได้ระดับจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคสูงสุด คือ จันทบุรี 0.484 แสดงว่า จังหวัดจันทบุรีมีการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันมากหรือมีความเหลื่อมล้ำ ามากที่สุดเมื่อเทียบกับจังหวัด อื่น ๆ ซึ่งเห็นได้จากครัวเรือนกลุ่มที่ 5 ที่มีส่วนแบ่งของรายได้สูงเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดในจังหวัด หรือคิดเป็น ร้อยละ 52.6 ในขณะที่ครัวเรือนกลุ่มที่ 1 มีส่วนแบ่งของรายได้เพียงร้อยละ 8.0 รองลงมาคือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค 0.444 ซึ่ งครัวเรือนในกลุ่มที่ 5 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีส่วนแบ่งรายได้ ร้อยละ 49.4 และในกลุ่มครัวเรือนที่ 1 มีส่วนแบ่งเพียงร้อยละ 8.8 เท่านั้น ส่วนจังหวัดที่มีความเหลื่อมล้ ำ า หรือความไม่เสมอภาคของการกระจายรายได้น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ คือ สมุทรปราการ มีค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค 0.239 โดยครัวเรือนกลุ่มที่ 1 ของจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยที่สุด มีส่วนแบ่งของรายได้ประจำ าร้อยละ 13.4 ในขณะที่ครัวเรือนกลุ่มที่ 5 ของจังหวัดซึ่งเป็น กลุ่มที่มีรายได้มากที่สุดมีสัดส่วนของรายได้ประจำ าร้อยละ 28.9 รองลงมาคือสมุทรสาครมีค่าสัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค อยู่ที่ 0.267 นนทบุรี 0.273 กำ าแพงเพชร 0.278 ชลบุรี 0.282 เป็นต้น

RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==