ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2563

ความยากจนแฝงของครัวเรือน พ.ศ. 2563 14 อนึ่ง ยังมีอีกหนึ่งแนวคิดที่เรียกว่า ความยากจนด้านอาหาร (Food Poverty) ซึ่งเป็นการวัด ความสามารถในการได้รับหรือบริโภคอาหารในปริมาณที่เพียงพอตามเกณฑ์ที่สังคมยอมรับ โดยในการ คำ �นวณตามแนวคิดนี้ มักจะใช้รายได้หรือค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบกับเส้นความยากจนด้านอาหาร (Food Poverty Line: FPL) กล่าวคือ ถ้าคนหรือครัวเรือนมีรายได้หรือค่าใช้จ่ายต่ำ �กว่าเส้นความยากจนด้าน อาหาร แสดงว่า คนหรือครัวเรือนนั้น ไม่มีความสามารถในการได้รับหรือบริโภคอาหารในปริมาณที่เพียงพอ จึงตกเป็นคนหรือครัวเรือนยากจนด้านอาหาร สำ �หรับประเทศไทย ได้มีการนำ �แนวคิดความยากจนด้านอาหาร (Food Poverty) มาใช้ใน การจัดทำ �ข้อมูล “ครัวเรือนยากจนด้านอาหาร”ัื้ ซึ่งหมายถึง ครัวเรือนที่มีรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค (Consumption Expenditure: CE) ต่ำ �กว่าเส้นความยากจนด้านอาหาร (Food poverty line: FPL) กล่าวคือ เป็นการเปรียบเทียบด้วย 1 เกณฑ์ โดยเปรียบเทียบรายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค (ผลรวมของค่าใช้ จ่ายด้านอาหาร (Food Expenditure: FE) และค่าใช้จ่ายด้านที่ไม่ใช่อาหาร (Non-Food Expenditure: NFE) กับเส้นความยากจนด้านอาหาร (Food poverty line: FPL) ซึ่งเขียนเป็นเงื่อนไขได้ว่า ” “ ผลรวมของค่าใช้จ่ายด้านอาหารและค่าใช้จ่ายด้านที่ไม่ใช่อาหาร (FE + NFE) < เส้นความยากจนด้านอาหาร (FPL) แนวคิดความยากจนด้านอาหาร (Food Poverty) ดังกล่าว มีความแตกต่างกับแนวคิด ความยากจนแฝงในรายงานฉบับนี้ กล่าวคือ ความยากจนด้านอาหาร เป็นการวัดความสามารถในมิติ ด้านอาหารเพียงด้านเดียว โดยไม่ได้คำ �นึงถึงมิติด้านที่ไม่ใช่อาหารแต่อย่างใด กล่าวคือ ครัวเรือนที่มี รายได้หรือค่าใช้จ่ายเท่ากับเส้นความยากจนด้านอาหารหรือมากกว่าเล็กน้อย จะถูกนับเป็นครัวเรือน ไม่ยากจนด้านอาหาร แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วนั้น รายได้หรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ได้นำ �ไปใช้เป็น ค่าอาหารทั้งหมดก็ตาม ซึ่งครัวเรือนดังกล่าวจะไม่ถูกละเลยในการคำ �นวณด้วยแนวคิดความยากจนแฝง ของรายงานฉบับนี้ แนวคิดความยากจนแฝงในรายงานฉบับนี้ เป็นการวัดความสามารถในการได้รับหรือ บริโภคอาหาร เทียบกับความจำ �เป็นขั้นพื้นฐานด้านอาหารที่ต้องได้รับ และวัดความสามารถในการได้รับ หรืออุปโภคสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร ไปพร้อม ๆ กัน จึงเป็นแนวคิดที่ไม่ได้มองข้ามมิติด้านใดด้านหนึ่ง

RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==