ความชุกความไม่มั่นคงทางอาหารของประชากร โดยใช้เกณฑ์การวัดประสบการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหาร

3 บทที่ 2 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 2.1 แนวคิดความไม่มั่นคงทางอาหาร แนวคิดเรื่องความไม่มั่นคงทางอาหารเป็นประเด็นที่ เริ่ มได้รับความสนใจในระดับสากลตั้ งแต่ ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษ 1970 ที่โลกต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลน อาหารและความหิวโหยในหลายภูมิภาค ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแต่ประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อประเทศที่พัฒนาแล้วด้วย เหตุการณ์วิกฤตการณ์น้ำมันในปี 1973 และผลกระทบ ที่ตามมาจากการขาดแคลนอาหารในบางประเทศได้นำไปสู่การตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างระบบ ที่สามารถรับประกันความปลอดภัยด้านอาหารของประชากรในระดับโลก การประชุมอาหารโลก ( World Food Conference) ที่จัดขึ้นในปี 1974 ได้กลายเป็นเวทีสำคัญ ที่รัฐบาลจากหลายประเทศได้ร่วมกันอภิปรายถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาความหิวโหยในโลก และเป็น ครั้งแรกที่มีการพูดถึงแนวคิดเรื่อง ความมั่นคงทางอาหาร ( Food Security) คำว่าความมั่นคงทางอาหาร ถูกใช้เพื่อสื่อถึงสภาวะที่ประชากรในประเทศหนึ่งๆ มีอาหารเพียงพอสำหรับการบริโภคในทุกสถานการณ์ แม้ในระยะแรกเริ่มของการพัฒนาแนวคิดนี้ ความมั่นคงทางอาหารยังคงถูกจำกัดอยู่ที่การผลิตอาหารเพียงพอ ในระดับมหภาค โดยยังไม่ได้พิจารณาถึงการกระจายอาหารไปยังประชากรในระดับท้องถิ่นและปัจจัยทาง เศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการเข้าถึงอาหารของประชาชน ในทศวรรษ 1980 และ 1990 แนวคิดเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารเริ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิชาการและองค์กรระหว่างประเทศได้ตระหนักว่าความมั่นคงทางอาหารไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ การมีอาหารเพียงพอในเชิงปริมาณเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่ซับซ้อน เช่น การกระจายอาหาร ให้ถึงผู้บริโภคอย่างทั่วถึง การเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ และความมั่นคงด้านอาหารในระยะยาว องค์การอาหาร และเกษตรแห่งสหประชาชาติ ( FAO) ได้มีบทบาทสำคัญในการนิยามและส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับ ความมั่นคงทางอาหารในบริบทที่กว้างขวางยิ่งขึ้น การประชุมสุดยอดอาหารโลก ( World Food Summit) ในปี 1996 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ การพัฒนาแนวคิดเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ในการประชุมนี้ FAO ได้ขยายความหมายของความมั่นคง ทางอาหารให้ครอบคลุมถึงปัจจัยด้านคุณภาพและการเข้าถึงอาหารของประชากรในระดับบุคคล รวมถึง การรักษาความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว แนวคิดนี้ได้รับการยอมรับในวงกว้างและกลายเป็นมาตรฐาน ที่ใช้ในการประเมินสภาวะความมั่นคงทางอาหารทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ( FAO) ได้ให้นิยามของความมั่ นคงทางอาหาร ในลักษณะที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงกับปัจจัยหลายด้าน โดยนิยามดังกล่าวได้ถูกปรับใช้และพัฒนามาอย่าง ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งเป็นปีที่ FAO ได้ขยายความหมายของความมั่นคงทางอาหารให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยปัจจุบัน ได้นิยามความมั่นคงทางอาหาร หมายถึง สถานการณ์ที่ทุกคนในทุกเวลาสามารถเข้าถึงอาหาร ได้ทั้งด้านกายภาพ สังคม เศรษฐกิจ อย่างเพียงพอ ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการและตรงกับความพึงพอใจ ของตนเองเพื่อการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งตามแนวคิดขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาตินั้น ความมั่นคงทางอาหารจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. การมีอาหารเพียงพอ ( Food Availability) ถือเป็นมิติแรกที่มีความสำคัญต่อความมั่นคง ทางอาหาร ซึ่งหมายถึงการมีอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในระดับประเทศและระดับ ท้องถิ่น การมีอาหารเพียงพอขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น การผลิตอาหารภายในประเทศ การนำเข้า

RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==