รายงานประจำปี 2566

75 Annual Report 2023 National Statistical Office Thailand แู มิ 5 กา รัับบริิการส่่งเสริิมสุ ภาพและกา รัับ บริิกา ทัั ก มจำแ ก ามภาค ปีี 2566 แู มิ 3 ร้้อยละ องป ะชาก เจ็บป่ ยที่� ต้้องเข้้าพักรัักษา ใ ส า พยาบาล จำแ ก ามเพศ ปี 2556 - 2566 แู มิ 4 อั ากา เข้้ารัับบริิการส่่งเสริิมสุ ภาพ 3. การป่ ยที่่� ต้อง อนพัักรักษาตั ใ า พยาบาล สำ รัับกา เจ็บป่ ยที่� ต้้องเข้้าพักรัักษาตัั ใ ส า พยาบาล ะ่ าง 12 เดืือนก่่อ วัันสััมภาษณ์ พบว่่า มีแ โน้้มล ลงอย่างต่่อเนื่� องจากร้้อยละ 5.0 ในปีี 2556 เป็้ อยละ 3.2 ในปีี2566 และเม่� อจำแ ก ามเพศ จะเห็็ ได้้ว่่า ผู้้�หิงมีีัดส่่วน กา เจ็บป่ ยที่� ต้้อง อนพัักรัักษาฯ สูงกว่่า เพศชาย ซึ่่� งมีแ โน้้มเป็นลัักษณะเช่ เดีียวกัับผลกา สำ จ ที่� ผ่า มา 3. การป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวในสถานพยาบาล สำหรับการเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพักรักษาตัว ในสถานพยาบาลระหว่าง 12 เดือนก่อนวันสัมภาษณ์ พบว่า มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 5.0 ในปี 2556 เป็นร้อยละ 3.2 ในปี 2566 และเมื่อ จำแนกตามเพศ จะเห็นได้ ว่ าผู้ หญิ งมี สั ดส่ วน การเจ็บป่วยที่ต้องนอนพักรักษาฯ สูงกว่าเพศชาย ซึ่งมีแนวโน้มเป็นลักษณะเช่นเดียวกับผลการสำรวจ ที่ผ่านมา 4. การส่งเสริมสุขภาพและรับบริการทันตกรรม การรั บบริ การส่ งเสริ มสุ ขภาพถื อเป็น พฤติกรรมเพื่อป้องกันการเกิดโรค ด้วยการใช้บริการ ด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น การไปรับ บริ การฉี ดวั คซี น การฝากครรภ์ /ตรวจครรภ์ การตรวจสุขภาพประจำปี การรับบริการทันตกรรม การตรวจคัดกรองโรค รวมถึง การไปรับบริการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ เป็นต้น ผลการสำรวจ พบว่า การส่งเสริมสุขภาพ ระหว่าง 12 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ ปี 2558 - 2566 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 33.1 ในปี 2566 โดยผู้ที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการรับบริการส่งเสริมสุขภาพสูงกว่าภาคอื่น ๆ (ร้อยละ 42.2) ทั้งนี้ อัตราการส่งเสริมสุขภาพที่ เพิ่ มขึ้ นอย่างเห็นได้ชัดเนื่ องจากประเทศไทยมี การรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม ทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงมิถุนายน 2564 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมจากภาครัฐให้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อีกด้วย สำหรับการรับบริการส่งเสริมสุขภาพใน ด้านการรับบริการทันตกรรมระหว่าง 12 เดือนที่ ผ่านมา พบว่า มีผู้ได้รับบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น จากร้ อยละ 8.4 ในปี 2562 เป็นร้ อยละ 10.2 ในปี 2566 และเมื่อพิจารณาการรับบริการทันตกรรม จำแนกตามภาค พบว่า กรุงเทพมหานครสูงกว่า ภาคอื่นอย่างชัดเจน (ร้อยละ 18.8) รองลงมาเป็น ภาคกลาง ร้อยละ 10.1 ภาคเหนือ ร้อยละ 9.6 ภาคใต้ ร้อยละ 8.7 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่ำสุด (ร้อยละ 7.3) แผนภูมิ 4 อัตราการเข้ารับบริการส่งเสริม สุขภาพ 12.3 14.8 11.9 14.0 33.1 8.1 9.6 8.4 9.9 10.2 0.0 10.0 20.0 30.0 40.0 หน่วย : ร้อยละผู้รับบริการ 2562 2564 2560 2558 2566 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพ การรับบริการทันตกรรม แผนภูมิ 5 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพและ การรับบริการทันตกรรมจำแนกตามภาค ปี 2566 กรุงเทพมหานคร 37.7 18.8 ทั่วราชอาณาจักร 33.1 10.2 กลาง 27.1 10.1 เหนือ 37.0 9.6 ตะวันออกเฉียงเหนือ 42.2 7.3 ใต้ 20.7 8.7 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพ การรับบริการทันตกรรม 0% 100% ร้ อ ย ล ะ แผนภูมิ 3 ร้อยละของประชากรเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพักรักษา ในสถานพยาบาล จำแนกตามเพศ ปี 2556 - 2566 5.0 4.7 4.6 3.7 3.5 3.2 4.3 4.1 4.0 3.2 3.0 2.7 5.6 5.3 5.2 4.2 4.0 3.8 0.0 1.0 2.0 3.0 4.0 5.0 6.0 2556 2558 2560 2562 2564 2566 รวม ชาย หญิง หน่วย : ร้อยละ 3. การป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวในสถานพยาบาล สำหรับการเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพักรักษาตัว ในสถานพยาบาลระหว่าง 12 เดือนก่อนวันสัมภาษณ์ พบว่า มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 5.0 ในปี 2556 เป็นร้อยละ 3.2 ในปี 2566 และเมื่อ จำแนกตามเพศ จะเห็นได้ ว่ าผู้ หญิ งมี สั ดส่ วน การเจ็บป่วยที่ต้องนอนพักรักษาฯ สูงกว่าเพศชาย ซึ่งมีแนวโน้มเป็นลักษณะเช่นเดียวกับผลการสำรวจ ที่ผ่านมา 4. การส่งเสริมสุขภาพและรับบริการทันตกรรม การรั บบริ การส่ งเสริ มสุ ขภาพถื อเป็น พฤติกรรมเพื่อป้องกันการเกิดโรค ด้วยการใช้บริการ ด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น การไปรับ บริ การฉี ดวั คซี น การฝากครรภ์ /ตรวจครรภ์ การตรวจสุขภาพประจำปี การรับบริการทันตกรรม การต วจคัดกรองโรค รวมถึง า ไปรับบริการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ เป็นต้น ผลการสำ วจ พบว่า การส่งเสิ มสุขภาพ ระหว่าง 12 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ ปี 2558 - 2566 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 33.1 ในปี 2566 โดยผู้ที่อยู่ในภ คตะวันออกเฉียงเหนือ มีการรับบริกา ส่งเสริมสุขภาพสูงกว่าภาคอื่น ๆ (ร้อยละ 42.2) ทั้งนี้ อัตราการส่งเสริมสุขภาพที่ เพิ่ มขึ้ นอย่างเห็นได้ชัดเนื่ องจากประเทศไทยมี การรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอย่างน้อย 1 เ็ ม ทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงมิถุนายน 2564 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมจากภาครัฐให้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อีกด้วย สำหรับการรับบริการส่งเสริมสุขภาพใน ด้านการรับบริการทันตกรรมระหว่าง 12 เดือนที่ ผ่านมา พบว่า มีผู้ได้รับบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น จากร้ อยละ 8.4 ในปี 2562 เป็นร้ อยละ 10.2 ในปี 2566 และเมื่อพิจารณาการรับบริการทันตกรรม จำแนกตามภาค พบว่า กรุงเทพมหานครสูงกว่า ภาคอื่นอย่างชัดเจน (ร้อยละ 18.8) รองลงมาเป็น ภาคกลาง ร้อยละ 10.1 ภาคเหนือ ร้อยละ 9.6 ภาคใต้ ร้อยละ 8.7 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่ำสุด (ร้อยละ 7.3) แผนภูมิ 4 อัตราการเข้ารับบริการส่งเสริม สุขภาพ 12.3 14.8 11.9 14.0 33.1 8.1 9.6 8.4 9.9 10.2 0.0 10.0 20.0 30.0 40.0 หน่วย : ร้อยละผู้รับบริการ 2562 2564 2560 2558 2566 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพ การรับบริการทันตกรรม แผนภูมิ 5 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพและ การรั บิ การทันตกรรมจำแนกตามภาค ปี 2566 กรุงเทพมหานคร 37.7 18.8 ทั่วราชอาณาจักร 33.1 10.2 กลาง 27.1 10.1 เหนือ 37.0 9.6 ตะวันออกเฉียงเหนือ 42.2 7.3 ใต้ 20.7 8.7 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพ การรับบริการทันตกรรม 0% 100% ร้ อ ย ล ะ แผนภูมิ 3 ร้อยละของประชากรเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพักรักษา ในสถานพยาบาล จำแนกตามเพศ ปี 2556 - 2566 5.0 4.7 4.6 3.7 3.5 3.2 4.3 4.1 4.0 3.2 3.0 2.7 5.6 5.3 5.2 4.2 4.0 3.8 0.0 1.0 2.0 3.0 4.0 5.0 6.0 2556 2558 2560 2562 2564 2566 รวม ชาย หญิง หน่วย : ร้อยละ 3. การป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวในสถานพยาบาล สำหรับการเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพักรักษาตัว ในสถานพยาบาลระหว่าง 12 เดือนก่อนวันสัมภาษณ์ พบว่า มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 5.0 ในี 2556 เป็ ร้อยละ 3.2 ในปี 2566 และเมื่อ จำแนกตามเพศ จะเห็นได้ ว่ าผู้ หญิ งมี สั ดส่ วน การเจ็บป่วยที่ต้องนอ พักรักษาฯ สูงกว่าเพศชาย ซึ่งมีแนวโน้มเป็นลักษณะเช่นเดียวกับผลการสำรวจ ที่ผ่านมา 4. การส่งเสริมสุขภาพและรับบริการทันตกรรม การรั บ ริ การส่ งเสริ มสุ ขภาพถื อเป็น พฤติกรรมเพื่อป้องกันการเกิดโรค ด้วยการใช้บริการ ด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น การไปรับ บริ การฉี ดวั คซี น การฝากครรภ์ /ตรวจครรภ์ การตรวจสุขภาพประจำปี การรับบริการทันตกรรม การตรวจคัดกรองโรค รวมถึง การไปรับบริการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ เป็นต้น ผลการสำรวจ พบว่า การส่งเสริมสุขภาพ ระหว่าง 12 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ ปี 2558 - 2566 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 33.1 ในปี 2566 โดยผู้ที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการรับบริการส่งเสริมสุขภาพสูงกว่าภาคอื่น ๆ (ร้อยละ 42.2) ทั้งนี้ อัตราการส่งเสริมสุขภาพที่ เพิ่ มขึ้ นอย่างเห็นได้ชัดเนื่ องจากประเทศไทยมี การรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม ทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงมิถุนายน 2564 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมจากภาครัฐให้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อีกด้วย สำหรับการรับบริการส่งเสริมสุขภาพใน ด้านการรับบริการทันตกรรมระหว่าง 12 เดือนที่ ผ่านมา พบว่า มีผู้ได้รับบริการทันตกรรมเพิ่มขึ้น จากร้ อยละ 8.4 ในปี 2562 เป็นร้ อยละ 10.2 ในปี 2566 และเมื่อพิจารณาการรับบริการทันตกรรม จำแนกตามภาค พบว่า กรุงเทพมหานครสูงกว่า ภาคอื่นอย่างชัดเจน (ร้อยละ 18.8) รองลงมาเป็น ภาคกลาง ร้อยละ 10.1 ภาคเหนือ ร้อยละ 9.6 ภาคใต้ ร้อยละ 8.7 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่ำสุด (ร้อยละ 7.3) แผนภูมิ 4 อัตราการเข้ารับบริการส่งเสริม สุขภาพ 12.3 14.8 11.9 14.0 33.1 8.1 9.6 8.4 9.9 10.2 0.0 10.0 20.0 30.0 40.0 หน่วย : ร้อยละผู้รับบริการ 2562 2564 2560 2558 2566 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพ การรับบริการทันตกรรม แผนภูมิ 5 การรับบิ กา ส่งเสริมุ ขภาพและ การรับบริกา ทันตกรรมจำแนกตามภ ค ปี 2566 กรุงเทพมหานคร 37.7 18.8 ทั่วราชอ ณาจักร 33.1 10.2 กลาง 27.1 10.1 เหนือ 37.0 9.6 ตะวันออกเฉียงเหนือ 42.2 7.3 ใต้ 20.7 8.7 การรับบริการส่งเสริมสุขภาพ การรับบริการทันตกรรม 0% 100% ร้ อ ย ล ะ แผนภูมิ 3 ร้อยละของประชากรเจ็บป่วยที่ต้องเข้าพักรักษา ในสถานพยาบาล จำแนกตามเพศ ปี 2556 - 2566 5.0 4.7 4.6 3.7 3.5 3.2 4.3 4.1 4.0 3.2 3.0 2.7 5.6 5.3 5.2 4.2 4.0 3.8 0.0 1.0 2.0 3.0 4.0 5.0 6.0 2556 2558 2560 2562 2564 2566 รวม ชาย หญิง หน่วย : ร้อยละ 75 4. การส่่งเสริิมสุุ ภาพและรับบริการั ตกรรม กา รัับบริิการส่่งเสริิมสุ ภาพถืือเป็ พฤติิก ม เพ่� อป้องกั กา เกิ โ ด้้ ยกา ใช้บริิกา ด้้า่ าง ๆ เพ่� อให้้มีีุ ภาพที่� ดีีขึ้� เช่ กา ไปรัับบริิการฉี วััคซีีน การฝ ากครรภ์ / จ์ กา จสุ ภาพป ะจำปี กา รัับบริิกา ทัั ก ม กา จคัั ก องโรค รว มถึึง กา ไปรัับบริิกา ปรัับเปล่� ย พฤติิกรร มที่� มีีค ามเส่� ยง ต่่อสุ ภาพ เป็้ ผลกา สำ จ พบว่่า การส่่งเสริิมสุ ภา ะ่ าง 12 เดืือนที่่� ผ่า มาตั้� งแต่่ ปี 2558 - 2566 เพิ� มขึ้� จ ก ร้้อยละ 12.3 ในปีี 2558 เป็้ อยละ 33.1 ในปีี 2566 โ ยผู้้�่� อยู่ใ ภา ะวัั ออกเฉียงเหนืือมีกา รัับบริิการส่่งเสริิม สุ ภาพสูงกว่่าภาคอื่� ๆ (ร้้อยละ 42.2) ทั้� งนี้� อั าการส่่งเสริิม สุ ภาพที่� เพิ� มขึ้� อย่างเห็็ ได้้ชั เนื่� องจากป ะเ ศไ ย มีกา ณ งค์์ให้้ฉีีดวััคซีีน้ องั โิ อย่างน้้อย 1 เข็็ม ทั่� ป ะเ ศมาอย่างต่่อเนื่� องตั้� งแต่่ช่ งมิถุุ าย 2564 เป็้ มา อกจากนี้� ยังมีการส่่งเสริิมจากภ รััฐให้้ป ะชาช กลุ่มเส่� ยงเข้้ารัับวัั ไข้้ วัั ใหญ่่อีกด้้ ย สำ รัับก รัับบริิการส่่งเสริิมสุ ภาพใ ด้้า กา รัับ บริิกา ทัั ก ม ะ่ าง 12 เดืือนที่่� ผ่า มา พบว่่า มีีผู ได้้ รัับบริิกา ทัันต กรร มเพิ� มขึ้� จาก้ อยละ 8.4 ในปีี 2562 เป็้ อยละ 10.2 ในปีี 2566 และเม่� อพิจา ณากา รัับบริิกา ทัั ก ม จำแ ก า ภา บว่่า กรุุงเ พม าู งกว่่า ภาคอื่� อย่างชั เจ (ร้้อยละ 18.8) องลงมาเป็ ภ กลาง ร้้อยละ 10.1 ภา เ อ ร้้อยละ 9.6 ภา ใต้้ ร้้อยละ 8.7 และภา ะวัั ออกเฉียงเ อต่่ำสุ (ร้้อยละ 7.3)

RkJQdWJsaXNoZXIy MTA3NzA0Nw==