พฤติกรรมการเป็
นหนี้
ของครั
วเรือนเกษตร พ.ศ.2554
ระดั
บจั
งหวั
ด
ครั
วเรือนเกษตรที่
เป็
นหนีี้และมีมู
ลค่าหนี้สินสู
งที่
สุ
ด 10 จั
งหวั
ด
ในปี 2554 นั
้น มีวั
ตถุ
ประสงค์การกู
้ยืมที่
แตกต่างกั
น อาทิเช่น จั
งหวั
ด
นนทบุ
รี
ซึ่
งเป็
นจั
งหวั
ดที่
มี
ครั
วเรื
อนเกษตรที่
เป็
นหนี้
มี
มู
ลค่
าหนี้
สิ
นสู
ง
ที่
สุ
ดนั
้น นำ
�เงินกู
้เกือบทั
้งหมดไปใช้ซื้อ/เช่าซื้อบ้านและที่
ดิน ในขณะที่
ครั
วเรือนเกษตรในจั
งหวั
ด
สมุ
ทรสาครนำ
�เงินกู
้ทั
้งหมดไปใช้ในการทำ
�เกษตร เป็
นที่
น่าสั
งเกตว่าใน 10 จั
งหวั
ดที่
มีมู
ลค่าหนี้สิน
สู
งที่
สุ
ดนี้
นำ
�เงินกู
้ไปใช้ในการศึกษาน้อยมากคือไม่เกินร้อยละ 2 ของมู
ลค่าหนี้สินทั
้งสิ้น(ตาราง 6)
ส�
ำหรั
บจั
งหวั
ดที่
ครั
วเรื
อนเกษตรมี
มู
ลค่าหนี้
สิ
นต�่
ำที่
สุ
ด 10 จั
งหวั
ด ในปี 2554 ส่วนใหญ่
น�
ำเงินกู
้ไปใช้จ่ายอุ
ปโภคบริ
โภคในครั
วเรื
อน และใช้ในการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่
งครั
วเรื
อน
เกษตรในจั
งหวั
ดปั
ตตานี
มี
การน�
ำเงิ
นกู
้ประมาณ ร้อยละ 82.2 ของมู
ลค่าหนี้
สิ
นทั
้
งสิ้
นไปใช้จ่าย
อุ
ปโภคบริ
โภคในครั
วเรื
อน ในขณะที่
จั
งหวั
ดแม่ฮ่องสอน นครพนม ขอนแก่น เลย และล�
ำปาง
น�
ำเงินกู
้จ�
ำนวนกว่าครึ่
งไปใช้ในการท�
ำเกษตร ส่วนจั
งหวั
ดสมุ
ทรสงครามส่วนใหญ่น�
ำเงิ
นกู
้ไปใช้ใน
การท�
ำธุ
รกิ
จ (ตาราง 7)
46