การกํ
าหนดจํ
านวนคนเข
าเมื
องรายป
ตามพระราชบั
ญญั
ติ
คนเข
าเมื
อง พ.ศ. 2522 บั
ญญั
ติ
ความไว
ว
า รั
ฐ
มนตรี
ว
าการกระทรวงมหาดไทย จะกํ
าหนดจํ
านวนคนต
างด
าว ซึ่
งจะมี
ถิ่
นที่
อยู
ในราชอาณาจั
กรเป
นรายป
โดย
ประกาศในราชกิ
จจานุ
เบกษา แต
มิ
ให
เกิ
นประเทศละ 100 คนต
อป
และสํ
าหรั
บคนไร
สั
ญชาติ
ก็
ไม
เกิ
น 50 คนต
อป
คนต
างด
าวที่
ไม
นั
บรวมในการกํ
าหนดจํ
านวนคนเข
าเมื
องรายป
ได
แก
บุ
คคลดั
งต
อไปนี้
(1) คนต
างด
าวที่
เคยเข
ามามี
ถิ่
นที่
อยู
ในราชอาณาจั
กร ออกไปนอกราชอาณาจั
กร โดยมี
หลั
กฐานการแจ
ง
ออกและกลั
บเข
ามา ภายในเวลาที่
กํ
าหนด 1 ป
(2) บุ
ตรของบิ
ดามารดาซึ่
งเป
นคนต
างด
าว ที่
เกิ
ดในระหว
างเวลาที่
มารดาออกไปนอกราชอาณาจั
กร โดย
มี
หลั
กฐานการแจ
งออกไปนอกราชอาณาจั
กรเพื่
อกลั
บเข
ามาอี
ก เมื่
อเดิ
นทางเข
ามาในราชอาณาจั
กรพร
อมกั
บบิ
ดา
มารดาซึ่
งกลั
บเข
ามาอี
กภายในเวลาที่
กํ
าหนด และบุ
ตรนั้
นอายุ
ยั
งไม
เกิ
นหนึ่
งป
(3)
หญิ
งซึ่
งมี
สั
ญชาติ
ไทยโดยการเกิ
ด และได
สละสั
ญชาติ
ไทยในกรณี
ที่
ได
สมรสกั
บคนต
างด
าว
(4)
บุ
ตรซึ่
งยั
งไม
บรรลุ
นิ
ติ
ภาวะของหญิ
งซึ่
งมี
สั
ญชาติ
ไทยโดยการเกิ
ด ไม
ว
าหญิ
งนั้
นจะสละสั
ญชาติ
ไทย
กรณี
ที่
ได
สมรสกั
บคนต
างด
าวหรื
อไม
ก็
ตาม
การเข
ามาในราชอาณาจั
กรชั่
วคราว
คนต
างด
าวที่
จะเข
ามาในราชอาณาจั
กรเป
นการชั่
วคราวได
จะต
องเข
ามาเพื่
อการปฏิ
บั
ติ
หน
าที่
ทางราชการ
การทู
ตหรื
อกงสุ
ล การท
องเที่
ยว การเล
นกี
ฬา ธุ
รกิ
จการลงทุ
น หรื
อการอื่
นที่
เกี่
ยวกั
บการลงทุ
นภายใต
บั
งคั
บ
กฎหมายส
งเสริ
มการลงทุ
น หรื
อการลงทุ
นที่
ได
รั
บความเห็
นชอบจากกระทรวง ทบวง กรมที่
เกี่
ยวข
อง การเดิ
นทาง
ผ
านราชอาณาจั
กร การเป
นผู
ควบคุ
มพาหนะหรื
อคนประจํ
าพาหนะ ที่
เข
ามายั
งสถานี
หรื
อท
องที่
ในราชอาณาจั
กร
การศึ
กษาดู
งาน การปฏิ
บั
ติ
หน
าที่
สื่
อมวลชน การเผยแพร
ศาสนาที่
ได
รั
บความเห็
นชอบจากกระทรวง ทบวง กรม
ที่
เกี่
ยวข
อง การค
นคว
าทางวิ
ทยาศาสตร
หรื
อฝ
กสอนในสถาบั
นการค
นคว
าหรื
อสถาบั
นการศึ
กษาในราชอาณาจั
กร
การปฏิ
บั
ติ
งานด
านช
างฝ
มื
อหรื
อผู
เชี่
ยวชาญ และการอื่
นตามที่
กํ
าหนดในกฎกระทรวง
คนต
างด
าวซึ่
งได
รั
บอนุ
ญาตให
มี
ถิ่
นที่
อยู
ในราชอาณาจั
กร จะต
องขอรั
บใบสํ
าคั
ญถิ่
นที่
อยู
จากผู
บั
ญชาการ
ตํ
ารวจแห
งชาติ
หรื
อพนั
กงานเจ
าหน
าที่
ซึ่
ง ผู
บั
ญชาการตํ
ารวจแห
งชาติ
มอบหมายไว
เป
นหลั
กฐาน ภายในเวลา 30 วั
น
นั
บแต
วั
นที่
ได
รั
บแจ
งจากพนั
กงานเจ
าหน
าที่
เป
นลายลั
กษณ
อั
กษร
ในกรณี
ที่
คนต
างด
าวอายุ
ต่ํ
ากว
าสิ
บสองป
ได
รั
บอนุ
ญาตให
มี
ถิ่
นที่
อยู
ในราชอาณาจั
กร ผู
ใช
อํ
านาจปกครอง
หรื
อผู
ปกครอง ต
องขอรั
บใบสํ
าคั
ญถิ่
นที่
อยู
ในนามของคนต
างด
าวผู
นั้
น
การแปลงสั
ญชาติ
คนต
างด
าวอาจขอแปลงสั
ญชาติ
เป
นไทยได
หากมี
คุ
ณสมบั
ติ
ครบถ
วนดั
งต
อไปนี้
1.
บรรลุ
นิ
ติ
ภาวะตามกฎหมายไทย และกฎหมายที่
บุ
คคลนั้
นมี
สั
ญชาติ
2.
มี
ความประพฤติ
ดี
และมี
อาชี
พเป
นหลั
กฐาน
3.
มี
ภู
มิ
ลํ
าเนาในราชอาณาจั
กรไทยต
อเนื่
องมาจนถึ
งวั
นที่
ยื่
นขอแปลงสั
ญชาติ
เป
นเวลาไม
น
อยกว
า 5 ป
และมี
ความรู
ภาษาไทยตามที่
กฎหมายกํ
าหนด ทั้
งนี้
ยกเว
นผู
ที่
เคยมี
สั
ญชาติ
ไทยมาแล
ว หรื
อเป
นผู
ที่
ได
กระทํ
าความ
ดี
ความชอบเป
นพิ
เศษต
อประเทศไทย หรื
อเป
นบุ
ตร หรื
อภริ
ยาของผู
ซึ่
งได
แปลงสั
ญชาติ
เป
นไทย หรื
อของผู
ได
กลั
บ
คื
นสั
ญชาติ
ไทย
นายกรั
ฐมนตรี
เป
นผู
วิ
นิ
จฉั
ยคํ
าขอแปลงสั
ญชาติ
เมื่
อเห็
นสมควรอนุ
ญาตก็
นํ
าความกราบบั
งคมทู
ลขอพระ
บรมราชานุ
ญาต และเมื่
อได
ประกาศในราชกิ
จจานุ
เบกษาแล
ว จึ
งถื
อว
าการแปลงสั
ญชาติ
มี
ผลสมบู
รณ
ตามกฎหมาย