- page 247

141
มูลนิธิรณรงค์ เพื่อการไม่สูบบุ หรี่ ร่ วมกับเครือข่ ายวิชาชีพเภสัชกรรมในการควบคุม
การบริโภคยาสูบ และภาคีเครือข่ าย จัดเวทีเสวนาความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์การควบคุมปัญหา
จากการสูบบุหรี่ด้วย นโยบายภาษีบุ หรี่ และนโยบายการบาบัดผู้ติดบุหรี่ด้วยยาในประเทศไทย
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุ หรี่ กล่าวว่า ในช่ วง
20 ปีที่ ผ่านมา ประเทศไทยมีการปรั บขึ้นภาษีบุ หรี่จานวน 10 ครั้ง โดยการขึ้นภาษียาสูบครั้งสุดท้าย
ปี พ.ศ. 2555 จากข้อมูลการสารวจของสานักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2557 ที่ผ่านมา ไทยมีอัตรา
การสูบบุ หรี่ 11.4 ล้านคน โดยเป็นเพศชาย 10.7 ล้านคน หรือร้อยละ 40.5 มีนั กสูบหน้าใหม่
เพิ่มขึ้น 2 แสนคน โดย 1 แสนคนมีอายุต่ากว่า 17 ปี ทั้งนี้ผลการขึ้นภาษี 6 ครั้ง ระหว่างปี 2536-
2549 ทาให้จานวนผู้สูบบุ หรี่ลดลง 4 ล้านคน ร้อยละ 60 ของการลดลงเป็นผลจากการขึ้นภาษี บุหรี่
"การสนับสนุนเรื่องการเลิ กบุหรี่เป็นอีกหนึ่ งเรื่องสาคัญ โดยเฉพาะการสนับสนุ นให้มี
คลินิ กเลิก บุหรี่ทั่วประเทศ และรณรงค์เรื่องการใช้ยาเลิกบุหรี่ สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ให้ แค่ผลการรักษา
แต่เป็นสิ่ งที่ ทาให้ การเลิกบุ หรี่มีระบบที่ชัดเจน หากผู้ต้องการเลิ กบุ หรี่ได้ รับคาแนะนาใน
การปรับเปลี่ ยนพฤติกรรม และการใช้ ยาที่ถูกต้องร่วมกัน อั ตราการประสบความสาเร็จจะเพิ่ มขึ้น"
ศ.นพ.ประกิตกล่าว
ด้าน ภก.คทา บัณฑิตานุกูล เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมในการควบคุมการบริโภคยาสูบ
กล่าวว่ า การใช้ยาช่ วยเลิกบุหรี่จัดเป็ นสิ่งสาคัญในการช่วยผู้ป่วยให้ เลิกบุหรี่ได้ สาเร็จ เนื่องจาก
ภาวะการติดบุหรี่มีผลมาจากการติดนิโคตินซึ่งเป็ นภาวะเสพติดทางร่างกาย เมื่อหยุดสูบบุ หรี่ผู้ป่วย
มักเกิดอาการถอนนิโคติ น การใช้ยาช่วยบรรเทาหรื อป้องกันอาการดังกล่าว โดยจากฐานข้อมูล
การให้บริการแก่ผู้สูบบุหรี่ พบว่าการได้รับยาช่วยเลิกบุหรี่ร่วมในการรักษา อัตราความสาเร็จจะเพิ่ม
สูงขึ้นเป็นร้อยละ 45 ของการเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง
"สาหรับการรณรงค์ให้ยาเลิกบุหรี่ อยู่ในบัญชี ยาหลัก ขณะนี้อนุกรรมการพัฒนาบัญชียา
หลักได้เห็ นชอบแล้ว โดยกาหนดว่าจะต้ องมีการควบคุมการใช้ยาที่ รัดกุม ชัดเจน มีระบบใน
การติ ดตาม และประเมินผลหลั งการรักษา เมื่ อยาอยู่ในการควบคุมของโรงพยาบาล การเข้าถึ ง
บริการมีความสะดวกจะช่วยให้ผู้ป่วยมี กาลังใจในการต่อสู้กับอาการ ติดบุหรี่ได้" ภก.คทากล่าว
ขณะที่ ศ.ประบาท จหา ผู้ อานวยการศูนย์วิจัยสุ ขภาพของโลก (Centre for Global
Health Research) มหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา แสดงทั ศนะว่า ประเทศไทย
จาเป็นต้องขึ้นภาษีบุหรี่ มากกว่า 5% ของอัตราเงินเฟ้อ การขึ้นภาษีบุหรี่ที่มากขึ้ นจะช่วยลดคนสูบ
บุหรี่ได้ถึ ง 1 ใน 3 คือ 1.การลดอัตราการสูบบุ หรี่และช่วยยั บยั้งวัยรุ่นที่ จะเริ่มเป็นผู้สูบรายใหม่
2.ลดจานวนการเสียชีวิตก่ อนวัยอั นควรจากการสูบ บุหรี่ โดยเฉพาะโรคมะเร็งปอด และโรคอื่นๆ ที่มี
สาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ได้ถึง 200 ล้ านราย และ 3.เพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล ขณะเดียวกันการสร้าง
ระบบบริการเลิกบุหรี่ ให้ประชาชนเข้าถึงได้ ง่ายเปรี ยบ เสมือนฝาแฝดที่ต้องเดินหน้าคู่กัน โดยมี
การวิจัยพบว่าหากผู้ สูบบุ หรี่สามารถเลิกบุหรี่ ได้ก่อนอายุ 40 ปี จะช่วยลดความเสี่ยงที่ จะเสียชีวิต
จากการสูบบุหรี่ได้ถึงร้ อยละ 90 และในประเทศอังกฤษยาเลิ กบุหรี่ได้จัดเป็ นยาสามัญประจาบ้าน
"สิ่งที่น่าเป็นห่วงคื อ ปัญหาบุหรี่ ไฟฟ้าที่มีการเผยแพร่ข้ อมูลว่า สามารถช่วยให้ผู้สูบเลิก
บุหรี่ได้ ที่จริ งแล้วเป็นเรื่องอันตราย โดยเฉพาะยังพบว่ าผู้ ใช้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่ น เรื่องนี้ ประเทศไทย
จะต้องมีมาตรการที่ เข้มแข็ง โดยการใช้มาตรการควบคุ มเช่นเดียวกับบุหรี่ ซิกาแรต และยาสูบทุ ก