- page 250

144
งานดั
งกล่
าวจั
ดขึ้
นเพื่
อปรั
บเปลี่
ยนทั
ศนคติ
คนภู
เก็
ตในการเรี
ยนอาชี
วะ และสร้
างค่
านิ
ยม
ที่
ถู
กต้
องในการเรี
ยนรู้
เตรี
ยมความพร้
อมให้
แก่
นั
กเรี
ยนชั้
นมั
ธยมศึ
กษาตอนต้
นสู่
โลกการทางานใน
สาย อาชี
พ เพื่
อตอบสนองนโยบายรั
ฐ ในการแก้
ปั
ญหาและความต้
องการของประเทศในเรื่
อง
การขาดแคลนแรงงาน และตอบสนองความต้
องการด้
านแรงงานตามทิ
ศทางการพั
ฒนาของจั
งหวั
นางสมใจ สุ
วรรณศุ
ภพนา นายกเทศมนตรี
นครภู
เก็
ต ประธานเปิ
ดงานกล่
าวว่
จากข้
อมู
ลของเด็
กมั
ธยมศึ
กษาตอนต้
นและตอนปลายของภู
เก็
ตพบว่
า มี
เด็
กเยาวชนภู
เก็
ตมากกว่
50% ที่
ไม่
รู้
ว่
าตั
วเองต้
องการเรี
ยนต่
อด้
านใด เพราะการแนะแนวยั
งให้
ข้
อมู
ลไม่
เป็
นปั
จจุ
บั
ทั้
งทางด้
านเศรษฐกิ
จและสั
งคม การค้
นพบตั
วเองและรู้
ว่
าตั
วเองต้
องพั
ฒนาทั
กษะด้
านใดจึ
งเอื้
อต่
การพั
ฒนาสู่
อาชี
พในอนาคต
ขณะที่
วิ
จั
ยแรงงานในตลาดภู
เก็
ตและแนวโน้
มอาชี
พในอนาคต 5 ปี
ของมหาวิ
ทยาลั
ธุ
รกิ
จบั
ณฑิ
ตย์
(มธบ.) ร่
วมกั
บสสค.ซึ่
งคานวณข้
อมู
ลการสารวจภาวการณ์
มี
งานทาของประชากร
ไตรมาสที่
3 ปี
2558
สานั
กงานสถิ
ติ
แห่
งชาติ
ระบุ
ว่
า เงิ
นเดื
อนของคนที่
ทางานในภู
เก็
ตจาแนกตาม
วุ
ฒิ
(25-30 ปี
) พบว่
า ผู้
ที่
จบปริ
ญญาตรี
ได้
เงิ
นเดื
อนเฉลี่
ย 13,610 บาท ขณะที่
วุ
ฒิ
ปวช./ปวส.ได้
เงิ
นเดื
อนเฉลี่
ย 12,462 บาท
แต่
เมื่
อคานวณถึ
งภาระในการเรี
ยนต่
อ และการใช้
หนี้
กองทุ
นให้
กู้
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา(กยศ.)
ของผู้
เรี
ยนป.ตรี
จะพบว่
า การเรี
ยนปวช./ปวส.อาจมี
เงิ
นเหลื
อใช้
มากกว่
า ขณะเดี
ยวกั
นเมื่
อสารวจ
ตลาดแรงงานกลั
บพบว่
า 10 ตาแหน่
งงานที่
นายจ้
างต้
องการมากที่
สุ
ด ได้
แก่
1.แรงงานทั่
วไป
(16.7%) 2.ผู้
จั
ดการฝ่
ายขาย (10%) 3.ช่
างไฟประจาเรื
อ (8.4%) 4.หั
วหน้
าและพนั
กงานทาความ
สะอาด (7.6%) 5.พนั
กงานต้
อนรั
บโรงแรม (6.5%) 6.พนั
กงานต้
อนรั
บทั่
วไป (6.1%) 7.พนั
กงาน
ต้
อนรั
บในห้
องอาหาร (5.8%) 8.ผู้
จั
ดการทั่
วไปด้
านธุ
รกิ
จ (5%) 9.หมอนวดแผนโบราณ (5%) และ
10.ช่
างเทคนิ
ควิ
ศวกรรมอิ
เล็
กทรอนิ
กส์
และโทรคมนาคมอื่
นๆ (4.5%) โดยคิ
ดเป็
นอาชี
พที่
ใช้
วุ
ฒิ
ปวช./ปวส. (49.3%) และใช้
วุ
ฒิ
ป.ตรี
(15%) หรื
อสู
งกว่
า 3 เท่
ดร.เกี
ยรติ
อนั
นต์
ล้
วนแก้
ว ผู้
ช่
วยรองอธิ
การบดี
ฝ่
ายวิ
จั
ย มธบ. กล่
าวว่
า การจบป.ตรี
ไม่
ได้
การั
นตี
รายได้
และอนาคตที่
ดี
กว่
าในภู
เก็
ต เพราะดู
จากผลวิ
จั
ยพบว่
าความต้
องการจ้
างงานกว่
า 80%
อยู่
ในระดั
บต่
ากว่
าป.ตรี
และยั
งพบว่
านายจ้
างคาดหวั
งให้
ลู
กจ้
างมี
ทั
กษะด้
านภาษาต่
างประเทศ ไอที
การคานวณ และการบริ
หารจั
ดการด้
วย
ขณะที่
นายบั
ณฑู
ร ทองตั
น ประธานสภาการศึ
กษาจั
งหวั
ดภู
เก็
ต เล่
าว่
า “สิ่
งที่
สภาการศึ
กษาภู
เก็
ต เทศบาลนครภู
เก็
ต รวมทั้
งภาคธุ
รกิ
จเอกชน และเครื
อข่
ายสถาบั
นการศึ
กษา
โดยเฉพาะอาชี
วศึ
กษา และอาสาสมั
ครในภู
เก็
ตลุ
กขึ้
นมาช่
วยกั
นจั
ดมหกรรมเปิ
ด 60 อาชี
พแนะแนว
เด็
กมั
ธยมต้
นสู่
โลกการทางาน ก็
เพราะเห็
นตรงกั
นว่
า ภู
เก็
ตประสบปั
ญหาว่
างงานในขณะที่
งานหลาย
ตาแหน่
งขาด การฉายภาพอนาคตของภู
เก็
ตให้
แก่
ผู้
ปกครอง ครู
และผู้
เรี
ยนจึ
งเป็
นสิ่
งจาเป็
นใน
การเตรี
ยมพร้
อมของเด็
กเยาวชนและคนภู
เก็
ต ขณะเดี
ยวกั
นก็
เป็
นการแสดงพลั
งของคนภู
เก็
ตที่
ลุ
ขึ้
นมาช่
วยกั
นจั
ดการศึ
กษา โดยใช้
โจทย์
ความต้
องการของพื้
นที่
เป็
นฐาน วั
นนี้
ภู
เก็
ตรู้
แล้
วว่
าเราต้
องมุ่
ไปสู่
การพั
ฒนาสั
มมาชี
พที่
ขาดด้
านใดบ้
าง ผมมั่
นใจว่
า หากส่
วนกลางปล่
อยให้
การศึ
กษาเป็
นเรื่
องที่
จั
งหวั
ดเข้
ามามี
ส่
วนร่
วมได้
ก็
จะช่
วยแบ่
งเบาภาระให้
รั
ฐบาลและกระทรวงศึ
กษาธิ
การ โดยเฉพาะ
เรื่
องกลไกขั
บเคลื่
อนการศึ
กษาในจั
งหวั
ด ควรมี
กฎหมายรองรั
บ แต่
มิ
ใช่
รู
ปแบบการสั่
งการให้
เกิ
พร้
อมกั
นทั่
วประเทศ ควรเริ่
มจั
งหวั
ดที่
มี
ความพร้
อมก่
อนเริ่
มก่
อน”
1...,240,241,242,243,244,245,246,247,248,249 251,252,253,254,255,256
Powered by FlippingBook